ปั๊มเทสท่อ

ปั๊มเทสท่อ รุ่นยอดนิยม (Hand Test Pump): มาตรฐานสำหรับทุกหน้างาน

พบกับ ปั๊มเทสท่อ รุ่นมาตรฐานจาก Omastar เครื่องมือที่สมบูรณ์แบบสำหรับช่างประปา, ผู้รับเหมา, และฝ่ายซ่อมบำรุง ที่ Toolshop88 เราคัดสรร Hand Test Pump ที่ผสานความทนทาน, การใช้งานที่ง่าย, และราคาที่คุ้มค่าไว้ในเครื่องเดียว นี่คือเครื่องมือชิ้นแรกที่มืออาชีพเลือกใช้สำหรับงาน ปั๊มทดสอบแรงดัน ในระบบท่อและถังทุกประเภท เพื่อให้คุณปิดงานได้อย่างมั่นใจและได้มาตรฐาน

หลักการทำงานของ Hydrostatic Test Pump

Hydrostatic Test Pump ทำงานโดยใช้หลักการง่ายๆ แต่ได้ผลดีเยี่ยม คือการใช้คันโยกเพื่อสร้างแรงดันน้ำด้วยมือ แล้วอัดเข้าไปในระบบท่อหรือถังที่ถูกปิดไว้ จากนั้นจึงอ่านค่าแรงดันที่คงค้างอยู่บนเกจวัดแรงดัน หากแรงดันคงที่ แสดงว่าระบบไม่รั่วซึม แต่หากแรงดันตกลง แสดงว่ามีจุดที่ต้องตรวจสอบและแก้ไข วิธีนี้จึงเป็นวิธีที่น่าเชื่อถือที่สุดในการใช้เป็น เครื่องทดสอบรอยรั่วท่อ

ทำไมปั๊มเทสท่อ Omastar รุ่นนี้ถึงเป็นที่นิยม?

• ใช้งานง่าย ไม่ซับซ้อน: ออกแบบมาให้ช่างทุกคนสามารถใช้งานได้ทันที เพียงเติมน้ำและต่อสายก็พร้อมทำงาน ไม่ต้องใช้ไฟฟ้าหรือแบตเตอรี่
• ทนทานและเชื่อถือได้: ตัวปั๊มและถังผลิตจากวัสดุคุณภาพดี ทนทานต่อการใช้งานสมบุกสมบันในไซต์งานก่อสร้าง
• เกจวัดแรงดันชัดเจน: มาพร้อมหน้าปัดเกจที่อ่านค่าง่าย ทำให้สามารถตรวจสอบแรงดันได้อย่างแม่นยำ
• ราคาคุ้มค่า: เป็นรุ่นที่ให้ประสิทธิภาพสูงในราคาที่เข้าถึงง่าย เหมาะสำหรับช่างและผู้รับเหมาที่ต้องการเครื่องมือคุณภาพเพื่อใช้งานเป็นประจำ

เหมาะสำหรับงานทดสอบแรงดันหลากหลายประเภท

ปั๊มทดสอบแรงดันมือโยก รุ่นมาตรฐานนี้สามารถใช้งานได้อย่างอเนกประสงค์:

• งานติดตั้งระบบประปา: ในบ้านพักอาศัย, อาคารพาณิชย์, และคอนโดมิเนียม
• งานติดตั้งระบบสปริงเกอร์ดับเพลิง: เพื่อให้มั่นใจว่าระบบพร้อมทำงานเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน
• งานซ่อมบำรุงท่อส่งลมและของเหลว: ในโรงงานอุตสาหกรรมขนาดเล็กและขนาดกลาง
• การทดสอบถังและภาชนะรับแรงดันต่างๆ

ไม่ว่าคุณจะเป็นช่างมือใหม่หรือมืออาชีพ การมี ปั๊มเทสท่อ ที่ดีและเชื่อถือได้อย่าง Omastar ติดตัวไว้ จะช่วยให้ทุกงานของคุณมีคุณภาพและเป็นไปตามมาตรฐานเสมอ

คู่มือเลือกซื้อปั๊มเทสท่อ: จะเลือกรุ่นไหนให้เหมาะกับงาน?

การเลือกปั๊มเทสท่อที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับ “แรงดัน” และ “ลักษณะของงาน” เป็นหลัก เพื่อให้คุณเลือกรุ่นที่คุ้มค่าและตรงกับการใช้งานที่สุด เรามีคำแนะนำดังนี้:

1. เลือกตามแรงดันทดสอบ (Working Pressure)

• 25 – 63 Bar (รุ่น HHS-2.5S, HHS-6.3S): เหมาะสำหรับ งานประปาทั่วไป ในบ้านพักอาศัยและอาคารขนาดเล็ก เช่น ทดสอบท่อ PVC, ท่อ PPR, และท่อ PE
• 100 – 240 Bar (รุ่น HHS-10G, HHS-24G): เหมาะสำหรับ งานระบบท่ออุตสาหกรรม, ท่อดับเพลิง (Sprinkler), และท่อส่งลม ที่ต้องการแรงดันทดสอบสูงกว่ามาตรฐานงานประปาทั่วไป
• 700 Bar (รุ่น HHS-1000, HHS-2000): เป็นปั๊มแรงดันสูง เหมาะสำหรับงานเฉพาะทาง เช่น การทดสอบถังทนแรงดัน, วาล์ว, หรือส่วนประกอบในระบบไฮดรอลิก

2. เลือกตามวัสดุของถัง (Tank Material)

• ถังพลาสติก (Plastic): มีข้อดีคือน้ำหนักเบา, ไม่เป็นสนิม, และราคาประหยัด เหมาะสำหรับงานทั่วไปที่เน้นความคล่องตัว
• ถังเหล็ก (Steel): มีความแข็งแรงทนทานสูง เหมาะสำหรับใช้งานหนักในไซต์งานก่อสร้างที่ต้องการความสมบุกสมบัน
• ถังอลูมิเนียม (Aluminum): เป็นวัสดุที่ให้น้ำหนักเบาแต่ยังคงความแข็งแรงสูง เหมาะสำหรับปั๊มแรงดันสูงที่ต้องการความสะดวกในการพกพา

ขั้นตอนการทดสอบแรงดันด้วย Hand Test Pump (Step-by-Step)

การทดสอบรอยรั่วด้วยปั๊มมือโยกมีขั้นตอนที่ง่ายและเป็นมาตรฐาน ดังนี้:

1. เตรียมระบบท่อ: ปิดวาล์วปลายท่อทั้งหมดในส่วนที่ต้องการทดสอบ จากนั้นเติมน้ำเข้าไปในระบบท่อให้เต็ม และทำการไล่อากาศออกให้หมดจด (อากาศที่ค้างในท่อจะทำให้แรงดันไม่ขึ้น)
2. เชื่อมต่อปั๊ม: นำสายของปั๊มเทสท่อมาเชื่อมต่อเข้ากับวาล์วน้ำหรือจุดเชื่อมต่อที่เตรียมไว้
3. สร้างแรงดัน: เริ่มโยกคันโยกของปั๊มเพื่ออัดแรงดันน้ำเข้าไปในระบบ สังเกตที่เกจวัดแรงดันจนได้ค่าที่ต้องการทดสอบ (เช่น 10 Bar)
4. สังเกตและตรวจสอบ: หยุดโยกและทิ้งไว้ตามระยะเวลาที่กำหนด (เช่น 30 นาที หรือ 1 ชั่วโมง) สังเกตว่าเข็มบนเกจวัดแรงดันตกลงหรือไม่ หากเข็มไม่ตก แสดงว่าระบบไม่รั่วซึม
5. ปล่อยแรงดัน: เมื่อทดสอบเสร็จสิ้น ให้ค่อยๆ คลายวาล์วเพื่อปล่อยแรงดันน้ำออกจากระบบอย่างช้าๆ ก่อนทำการถอดสาย

การอ่านผล, ข้อควรระวัง, และการบำรุงรักษา

• การอ่านผล: หากเข็มบนเกจตกลงอย่างเห็นได้ชัด แสดงว่ามีจุดรั่วซึมในระบบ ให้ทำการเดินตรวจสอบตามแนวท่อและข้อต่อเพื่อหาจุดที่รั่ว
• ข้อควรระวัง: ขณะทำการทดสอบด้วยแรงดันสูง ควรหลีกเลี่ยงการอยู่หน้าข้อต่อหรือวาล์วโดยตรง และควรสวมใส่แว่นตานิรภัยเสมอ
• การบำรุงรักษา: หลังใช้งาน ควรล้างทำความสะอาดปั๊มด้วยน้ำสะอาดเพื่อไล่สิ่งสกปรกออก และจัดเก็บในที่แห้งเพื่อยืดอายุการใช้งานของซีลยาง